วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

แมนดาริน โอเรียนเต็ล ดาราเทวี

โรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล ดาราเทวี เชียงใหม่ (Mandarin Oriental Dhara Dhevi) สร้าง ขึ้นบนพื้นที่ 130 ไร่ ในภูมิประเทศที่งดงาม ร่มครึ้มด้วยเงาต้นไม้ใหญ่ สถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลมาจากอาณาจักรล้านนา เมื่อสมัยปลายศตวรรษที่ 13 รีสอร์ทแยกตัวเป็นเอกเทศ ประกอบด้วย วิลล่า 142 หลัง รวมห้องสวีทขนาดกว้างขวางกว่ามาตรฐาน ถือว่าเป็นรีสอร์ทที่มีห้องสวีทใหญ่ และมีระดับที่สุดในโลก แต่ละห้องมีความเป็นส่วนตัว บางสวีทมีสระน้ำเล็กๆ เพื่อให้แขกได้อิ่มเอมกับบรรยากาศและความสงบสุขแบบส่วนตัวได้อย่างเต็มที่

โรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล ดาราเทวี เชียงใหม่ ในรีสอร์ทมีสระน้ำขนาดใหญ่ 2 สระ ห้องอาหาร 4 ห้อง และมีโรงเรียนสอนทำอาหารไทย โครงการส่วนที่เป็นสปา จำลองแบบมาจากพระราชวังมัณฑะเลย์ของพม่า แต่กว้างกว่า ด้วยเนื้อที่ถึง 3,100 ตารางเมตร นอกจากนี้ ยังมีสนามเทนนิสกลางแจ้ง 2 สนาม และสควอชในห้องปรับอากาศอีก 2 คอร์ท ส่วนห้องบอลรูม จะอยู่ในอาคารแบบล้านนาที่แยกจากรีสอร์ท บรรจุคนได้ถึง 600 คน






























































โรงแรมที่แปลกแหวกแนวที่สุดในโลกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก



ภายในโรงแรมถ้ำ ซึ่งมีโบสถ์ตั้งอยู่ไม่ห่างออกไป รวงทั้งชุมชนชาวอนาโตเลียที่เจาะหินภูเขาไฟมาเป็นบ้าน






กามิซารู เคฟ โฮเทล" สุดยอดของความแหวกแนว







"กามิซารู เคฟ โฮเทล" ตั้งอยู่ในเมืองแคปปาโดเซีย ประเทศตุรกี โรงแรมที่หน้าบนหน้าผาเลียนแบบที่อยู่อาศัยอย่างสันโดษของบาทหลวงในอาณาจักรไบเซนไทน์ที่มีอายุราว 1,000 ปี "โรงแรมของคนถ้ำ" แต่ประกอบด้วยห้องพัก 25 ห้องที่มีอ่างอาบน้ำหินอ่อน รวมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทันสมัยอื่นๆ แต่เพื่อให้ได้ความรู้สึก "สงบสุขทางจิตวิญญาณ"




"อัมมาฮา เดสเสิร์ท รีสอร์ท แอนด์สปา" รัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งอยู่กลางทะลทรายนอกเมืองดูไบ รีสอร์ทแห่งนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสะท้อนวิถีชีวิตของชาวเบดูอินที่อาศัยอยู่ตามกระโจมในทะเลทราย





"ซิลเคน ปูเอตรา อเมริกา" ในกรุงมาดริด สเปน โรงแรมอันมีเอกลักษณ์เฉาะตัวได้รับการออกแบบจากสถาปนิกชื่อดัง 18 คนจากทั่วโลก รวมถึง ยูชิดา ฟินเลย์, ซา ฮาดิด,อราตา อิโซไซ,นอร์แมน ฟอสเตอร์, ฌอง นูแวล และจอน พอว์สัน





โรงแรมแห่งหนี้สร้างจากน้ำแข็งทั้งหมด มีค่าเฟ่น้ำแข็ง วิหารน้ำแข็งเพื่องานวิวาห์ บาร์น้ำแข็งที่เสิร์ฟเครื่องดื่มจากแก้วที่แกะสลักขึ้นจากน้ำแข็ง ขณะที่แขกจะได้นอนในถุงนอนบนเตียงน้ำแข็ง






"โฮเทลเดอกลาส" ในควิเบ็ก ประเทศแคนาดา แฟนเอเอสทีวีคงคุ้นเคยกับโรงแรมประเภทนี้มาบ้างแล้ว โรงแรมนี้เป็นโรงแรมน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านสเตแคทเธอรีน เดอลาฌาคส์ ห่างจากเมืองควิเบ็ก 35 กิโลเมตร มีห้องพัก 34 ห้องเปิดบริการในช่วงเวลาอันหนาวเหน็บจาก 4 มกราคม-4 เมษายน ปีหน้า(2010)








ที่ปราสาทมาลเมซง แขกสามารถเข้าไปและขังตัวเองได้เพื่อความสนุก หรือเพื่อถ่ายรูป ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัว"เมื่อประพฤติตัวดี"








ปราสาทมาลเมซงในเมืองอ๊อกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ใครที่ปรารถนาจะลองใช้ชีวิตแบบคนคุก ต้องมาโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสต์ยอ้นกลับไปถึงปี 1071 ปราสาทแห่งนี้ถูกใช้เป็นคุกในสมัยวิคตอเรียจนกระทั่งปิดไปเมื่อปี 1996 โดยคุกใต้ดินกรงเหล็ก 2 ชั้น พร้อมด้วยประตูไม้หนา 7.5 เซ็นติเมตรยังคงอยู่ และเปิดให้แขกเข้าพักได้









"ทีแฟคทอรี" ประเทศศรีลังกา บนเนื้อที่ 25 เอเคอร์ ความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,200 เมตร ท่ามกลางม่านหมอกของภูเขาในแคว้นนิววาราอีลิยาของศรีลังกา ให้บรรยากาศแบบอาณานิคมกว่า 200 ปีก่อนที่ศรีลังกาตกอยู่ภายใต้อังกฤษ และมีวัฒนธรรมการปลูกและเกี่ยวเกี่ยวชา







"ฮูวาเฟน ฟิวชิ" บนเกาะมัลดิฟส์ เป็นรีสอร์ทที่ได้รับการโหวตให้เป็นรีสอร์ทริมชายหาดที่สวยที่ดีที่ในโลกจากคู่มือนำเที่ยว ฮาร์เปอร์บาซาร์ทราเวลไกด์ เมื่อปีที่แล้ว ฮูวาเฟน ฟิวชิตั้งอยู่เกาะวงแหวนที่เกิดจากหินปะการังบนมหาสมุทรอินเดีย








"อิมพีเรียล โบ๊ท เฮาส์ โฮเทล" โรงแรมเรือบนเกาะสมุยของไทย คงไม่มีไครคาดคิดว่าจะได้พบความสะดวกสบายแบบระดับ 5 ดาวบนเรือขนข้าวสาร แต่โรงแรมนี้ได้แปลงสภาพเรือไม้สักจำนวน 34 ลำให้กลายเป็นห้องพักสุดหรูได้อย่างน่าประทับ







"แอริโอ จังเกิล ทาวเวอร์" ในประเทศบราซิล เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่กลางป่าที่ออกแบบมาให้เป็นมิตรกับสภาพแวดล้อม รีสอร์ทแห่งนี้ประกอบด้วยหอสูง 8 หลังมีทั้งหมด 268 ห้อง สร้างอยู่บนยอดไม้ในป่าริมฝั่งแม่น้ำริโอเนโกร ที่น่าตื่นตาก็คือ ทางเดินขนาด 8 กิโลเมตร









"ด๊อก บาร์ก อินน์" หรือโรงแรมหมาเห่าในไอดาโฮ สหรัฐอเมริกา โดยภายในตัวสุนัขพันธุ์บีเกิลตัวใหญ่ที่สุดในโลกปรกอบด้วยห้อง 2 ห้องเชื่อมกัน ห้องหนึ่งมีเตียงขนาดควีนไซส์ ขณะที่อีกห้องมีบันไดไปห้องใต้หลังคาที่มีที่นอนแบบญี่ปุ่น 2 หลัง

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

เมืองปราสาทหิน..ถิ่นอีสานใต้..








สายของวันที่อากาศร้อนจัดกลางเดือนสิงหาคม ครอบครัวของเรา ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ปราสาทหินทรายสีชมพู “ปราสาทหินพนมรุ้ง” แม้จะเป็นวันที่อากาศร้อนรุนแรง แต่ทุ่งนาสองข้างทางกลับเริงร่าท้าแดด ด้วยกำลังอยู่ในช่วงฤดูเพาะปลูก ของชาวนาในพื้นที่ ต้นกล้าสีเขียวขจี จึงสวยเย็นตา ขับรถออกจากบ้านใน อ.เมืองบุรีรัมย์ ไม่ถึงชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึง “ปราสาทหินพนมรุ้ง” จุดหมายในการเดินทางของเราครั้งนี้ เราจอดรถไว้ด้านล่าง เพื่อเดินเท้าขึ้นไป ทุก ๆ ก้าวย่าง เต็มไปด้วยความตื้นเต้น กับสิ่งที่กำลังจะได้พบเห็น ภาพเสานางเรียงทอดยาว บันไดนาคคู่ และบันไดที่ขึ้นสู่องค์ปราสาทแม้จะสูงชัน ถี่และค่อนข้างแคบ จนต้องจับมือกันเดินขึ้นไป.......และ...เพียงเมื่อก้าวผ่านบันไดขั้นบนสุดนั้นขึ้นมา...เราก็ได้พบกับปราสาททรายสีชมพูองค์ใหญ่ ตั้งตระหง่านผ่านวันเวลามาเนิ่นนาน รอเพียงการมาเยือนของนักเดินทาง... ท่ามกลางท้องฟ้าที่สว่างใส สวยงาม เราเดินผ่านซุ้มโคปุระ (หรือซุ้มประตู) เข้าไป ผ่านบรรณาลัย ทั้ง 2 ด้าน ปรางค์ประธานก็ปรากฎแก่สายตา ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของปราสาท “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” ที่ครั้งหนึ่งเคยหายไป และไปปรากฎอยู่ที่สถาบันศิลปะในเมืองชิคาโก จนต้องมีการเรียกร้องสิทธินำกลับคืนมาอยู่นานหลายสิบปี เราใช้เวลากันพอสมควรในการเดินชมปรางค์ประธานและรอบๆ ปราสาท เหนื่อยก็แวะพักผ่อนตามต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุนับร้อยปี พร้อมทั้งเก็บภาพความประทับใจเอาไว้มากมาย น่าทึ่งและน่าพิศวง ที่คนสมัยก่อน ราวพันกว่าปีมาแล้ว สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นมาได้อย่างไร และยังสอดแทรกคติความเชื่อตามหลักศาสนา รวมถึงกุศโลบายพื้นบ้านต่างๆ เอาไว้ อย่างน่าชื่นชม .... อิดๆ ออดๆ ไม่อยากเดินทางกลับออกมา แต่ยังคงมี “ปราสาทเมืองต่ำ” โบราณสถานอีกแห่ง ที่หากมาเยือนพนมรุ้ง แล้วก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน ลงจากเขาพนมรุ้งประมาณ 15 นาทีเราก็มาถึงยัง “ปราสาทเมืองต่ำ” ปราสาทนี้แม้จะเล็กกว่าปราสาทพนมรุ้ง แต่ก็งดงามไม่แพ้กัน เราเดินเที่ยวชมไปรอบๆ องค์ปราสาท ซึ่งประกอบด้วยปรางค์ 5 องค์ อยู่บนฐานเดียวกัน องค์ประธานตรงกลาง น่าเสียดาย ที่ถล่มลงมาเสียแล้ว ส่วนปรางค์โดยรอบทั้ง 4 ทิศได้มีการบูรณะขึ้นอย่างสวยงาม ภายนอกระเบียงคด มีการขุดสระน้ำ(บาราย) เอาไว้ทั้ง 4 มุมปราสาท อย่างสวยงาม และลงตัวมาก งดงามจนเกินจะบรรยาย และน่าอัศจรรย์ใจถึงการวางผังปราสาทของคนยุคก่อน หากมีเวลาคราวหน้า เราตั้งใจกันว่าจะกลับมาเยือนอีกครั้ง แต่แน่ล่ะ สิ่งหนึ่ง ที่เราจะขาดไม่ได้ คือ การมีคู่มือดีๆ เกี่ยวกับปราสาททั้งสองสักเล่ม แล้วเราจะมาร่วมย้อนรอยกันอีกครั้ง มันคงตื่นเต้นและประทับใจไม่น้อยทีเดียว อ้อ อีกเรื่องที่อยากแนะนำส่งท้าย เราควรไปเที่ยวปราสาทเมืองต่ำกันก่อน และซื้อบัตรผ่านประตู แบบทูอินวัน ไปเลย (บัตรเดียวเที่ยว 2 ปราสาท) จะประหยัดค่าใช้จ่ายกว่ากัน และแม้ว่า เราจะต้องเดินทางกลับกันแล้ว แต่ความประทับใจของเรายังไม่สามารถลบเลือนออกไปจากใจของเราได้เลย เพราะหากมีเวลาว่างเมื่อใด จะต้องเปิดอัลบั้มดูรูปกันบ่อยครั้ง...(ปล.ชาวบุรีรัมย์ เค้าเชื่อกันว่า ถ้าใครเคยมีโอกาสได้ไปเยือนปราสาทหินพนมรุ้งแล้วล่ะก็ นั่นหมายความว่า คุณเคยมีส่วนร่วมในการก่อสร้างมาแล้ว เมื่อพันกว่าปีก่อน ตัวดิฉันเอง เกิดเป็นลูกบุรีรัมย์แท้ ๆ ยังเพิ่งเคยไปครั้งนี้ ครั้งแรก) แล้วคุณ..ไม่สนใจจะลองไปท้าพิสูจน์ ความสวยงามนี้ ด้วยตัวเองกันหรือค่ะ...เผื่อว่าคุณอาจเป็นคนหนึ่งที่เคยร่วมกันสร้างปราสาทหินพนมรุ้งเมื่อครั้งอดีตกาล.....